วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557


ตัวอย่าง สื่อที่ช่วยปลุกกระตุ้นให้คนไทยรักบ้านเกิด



โมษณาสื่ออีกชนิดหนึ่งที่สามารถปลุกจิตสำนึกให้รักบ้านเกิด





ภาพยนตร์สั้น... รักเก่าที่บ้านเกิด


รายการภัตตาคารบ้านทุ่ง
เป็นอีกหนึ่งรายการที่นำเสนอสิ่งดีๆในบ้านเกิดที่มีแต่ธรรมชาติ



เดินไป...กินไปที่บ้านดอน

น่าเดิน : เดินไป...กินไป ตลาดศาลเจ้า อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี

อันดับต่อไปที่ผู้การ สรรค์ใจ แนะนำ แหม่...ช่างใจตรงกับเราเสียจริง ๆ
เพราะพอแดดร่มลมตก ในตรอกเล็ก ๆ ที่ทอดยาวขนานไปกับ ถ.ต้นโพธิ์ ไม่ไกลจากตำหนักอ๋องฮกเกี๋ยน บ้านดอน และศาลเจ้าไหหลำ บ้านดอน จากหัวตรอกยันท้ายตรอก คลาคล่ำคึกคักไปด้วยผู้คน ราวกับคนทั้งเมืองสุราษฎร์ฯ มาชุมนุมนัดหมายกันอยู่ที่นี่
เหมือนแมลงเม่าที่ชื่นชอบแสงไฟ เพียงแค่ขับรถผ่าน แสงจากหลอดไฟและผู้คนที่ขวักไขว่ ก็ดึงดูดใจให้เราต้องเข้าไปทำความรู้จัก



ตรอกเล็ก ๆ นี้ คนบ้านดอน สุราษฎร์ธานี คุ้นเคยกันในชื่อ ตลาดศาลเจ้า เป็นแหล่งรวมอาหารอร่อยสไตล์ Street Food หลากหลายเมนู ชนิดกิน 7 วันไม่ซ้ำกัน ที่การันตีได้แน่ ๆ จากการทดลองชิมดูก็มี ผัดไทยแม่ทองใบ ร้านเป็นรถกระป๊อ จอดอยู่ปากทางด้าน ถ.หน้าเมือง ปรุงง่าย ๆ แต่อร่อยล้ำด้วยน้ำตาลมะพร้าวเคี่ยว ปรุงรสด้วยน้ำปลากับน้ำส้ม สนนราคาสบายกระเป๋า ใส่ไข่แค่ 20 บาท ถัดมาก็เป็นก๋วยเตี๋ยวหมูห่อใบตองเจ้าเก่า สูตรแป๊ะเล้า เจ้านี่อยู่ตรงหัวมุมแยกแรก อาม่าปรุงมาได้พอดีไม่ต้องปรุงซ้ำ มีแค่สองเส้นให้เลือก คือ บะหมี่ไข่เส้นอ้วนกลมกับเส้นเล็ก ทีเด็ดอยู่ที่ไส้หมูที่ทอดแบบเกรียม ๆ เมนูนี้ชามละ 30 ใกล้ ๆ กันมีทอดมันย่างป้าลักษณ์ คลาย ๆ แจงลอนที่เมืองชลฯ แต่ของป้าลักษณ์ไม่ใส่มะพร้าว เข้มข้นด้วยเครื่องแกงปักษ์ใต้ อร่อยแค่ไหนดูได้จากคิวที่รอยาวเหยียด อันนี้ 6 ไม้ 20 จัดไป จากร้านทอดมัน อีกไม่กี่ก้าวก็จะเจอของว่างพื้นเมือง ขนมปูหรือซาลาเปาทอด ไส้ทำจากมันแกวผสมเนื้อปู อร่อยอีกแล้วครับท่าน


ที่มา  http://kbeautifullife.askkbank.com/



ตลาดนัด  ตลาดน้ำ บ้านดอน



ตลาดนัด ตลาดน้ำบ้านดอน สุราษฎร์ธานี เป็นตลาดน้ำรุ่นน้องเพิ่งบุกเบิกที่โด่งดังไม่แพ้ตลาดน้ำรุ่นพี่ ภายใต้แนวคิด  “บ้านดอนย้อนยุค” รวมของดีพื้นบ้าน ศิลปวัฒนธรรมของชาวใต้ มีการแสดงที่น่าสนใจและหาชมได้ยาก  และที่สำคัญได้กินอาหารพื้นบ้านของชาวสุราษฎร์ธานีที่ขึ้นชื่อ เช่น  ขนมโคบ้านดอน  ข้าวเกรียบอ่อนไชยา  ข้าวหลามน้ำรอบ ขนมบอกพุมเรียง  ขนมจั้งมะลวน  ข้าวเหนียวกวนท่าฉาง  ในบางขนมจาก  ขนมห่อ ขนมค่อม ขนมผิง ข้าวต้มมัดชาววัง ขนมจีนหม้อดิน  ผัดไทยโบราณ  ผัดไทยไชยา ขนมครก มะพร้าวแก้ว น้ำสมุนไพร 




และยังมีลานนั่งเล่น โดยได้บรรยากาศการกินอาหารริมแม่น้ำ ในช่วงเวลาพลบค่ำ แสงพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ซึ่งตลาดนัด-ตลาดน้ำ บ้านดอน แห่งนี้มีรูปแบบภายใต้แนวคิด “บ้านดอนย้อนยุค” รวมของดีพื้นบ้าน ศิลปวัฒนธรรมของชาวใต้ มีการแสดงและการละเล่นที่น่าสนใจและหาชมได้ยากในสมัยนี้ชม เช่น ลิเกป่าไชยา เพลงนาบางงอน เพลงบอกพุนพิน เพลงเรือเกาะพงัน มโนราห์ หนังตะลุง เพลงกล่อมเด็ก เที่ยวชมบรรยากาศงานแบบไทยๆ สนุกกับการละเล่นพื้นบ้าน ชมหนังกลางแปลง ปาเป้า ยิงปืน ชิงช้าสวรรค์ ดูหนังวิก กินอาหารสำรับ ล่องเรือชมหิ่งห้อย






ที่มา http://www.suratthani-city.com/TH/content/Pages/banndon_10092013_s.aspx
ขอบคุณรูปภาพจาก http://pantip.com/topic/31235241


ธรรมชาติในเมือง 


อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี (ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานีเรียกว่า อำเภอบ้านดอน) เป็นอำเภอที่ตั้งของตัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเมืองศูนย์กลางระบบราชการ ศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง และเศรษฐกิจของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และภาคใต้ตอนบน

        หากจะพูดถึง อำเภอ เมือง ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดอะไรคงจะทำให้เรานึกได้แค่ภาพ รถยนต์ที่ติดขัด การจราจรที่แน่น มลพิษทางอากาศ ตึกสูง ห้างสรรพสินค้า ขยะ และอื่นๆอีกมากมาย แต่ในมุมมองนึง อำเภอเมืองนั่นยังมีธรรมชาติที่สวยงาม ทำให้เราผ่อนคลายจากสิ่งต่างๆที่ส่งผลต่อสุขจิตและกายได้อย่างดีเลยทีเดียว เพียงแค่เรารู้จักเลือกที่จะมองหามัน





วันนี้ดิฉัน ขอนำเสนอ อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี บ้านเกิดของฉันเอง ว่าอำเภอเมืองนั้นมีดีกว่าห้างที่ติดแอร์เย็นๆ

เรามาสัมผัสธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์กันเถอะ


ปากน้ำตาปี จังหวัดสุราษฎร์ธานี



ถ้าอยากไปเที่ยวที่ไหนสักที่ แล้วยังนึกไม่ได้ แนะนำให้ไปเที่ยวที่ปากน้ำตาปี ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลบางกุ้ง ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานีประมาณ 7 กม. ตามเส้นทางสุราษฎร์ธานี-ปากน้ำ มีคิวรถโดยสารอยู่เยื้องกับห้างจุฬาสรรพสินค้า ถนนบ้านดอน



สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ปากน้ำตาปี สุราษฎร์ธาน
ปากน้ำตาปี ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลบางกุ้ง ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานีประมาณ 7 กม. ตามเส้นทางสุราษฎร์ธานี-ปากน้ำ มีคิวรถโดยสารอยู่เยื้องกับห้างจุฬาสรรพสินค้า ถนนบ้านดอนปากน้ำตาปี อยู่บริเวณอ่าวบ้านดอน เป็นแนวรอยต่อระหว่างน้ำจืดและน้ำทะเลในอ่าวไทย มีลักษณะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่ถูกปกคลุมไปด้วยแนวป่าชายเลนที่สมบูรณ์ เต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีววิทยา ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ตามชายฝั่งทะเล เช่น แสม ลำพู โกงกาง สัตว์ป่าหลากชนิด เช่น นกยางเปีย นกกระเต็น เหยี่ยวแดง จิ้งจกหางแบน งูเขียวหัวจิ้งจก ฯลฯ เป็นแหล่งศึกษาและแหล่งท่องเที่ยวทางนิเวศวิทยาที่น่าสนใจแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีบรรยากาศที่ดีเหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจ รับประทานอาหารท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่นจากผู้ประกอบการที่มาเปิดให้บริการอยู่มากมา

บึงขุนทะเล จังหวัดสุราษฎร์ธานี
บึงขุนทะเลเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณน่าจะได้ลองไปสักครั้ง ตั้งอยู่ที่ตำบลขุนทะเล ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ไปทางถนนสายสุราษฎร์ธานี -พุนพิน ประมาณ 5 กม. สามารถนั่งรถโดยสารสายบ้านดอน-โรงเรียนตำรวจภูธร 8 ไปถึงบริเวณบึงได้ บึงขุนทะเลเป็นแหล่ง น้ำสำ


บึงขุนทะเล ตั้งอยู่ที่ตำบลขุนทะเล ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ไปทางถนนสายสุราษฎร์ธานี -พุนพิน ประมาณ 5 กม. สามารถนั่งรถโดยสารสายบ้านดอน-โรงเรียนตำรวจภูธร 8 ไปถึงบริเวณบึงได้ บึงขุนทะเลเป็นแหล่ง น้ำสำคัญใช้ในการกสิกรรมนอกจากนี้ยังมีทิว ทัศน์ที่สวยงาม ตามธรรมชาติ มีศาลาสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ และมีร้านอาหาร บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย


บึงขุนทะเล เป็นแหล่งน้ำจืดที่คล้ายทะเลสาปขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีเนื้อที่ประมาณ 1,270ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 3 ตำบลของอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี คือ ตำบลมะขามเตี้ย ตำบลขุนทะเล และตำบลวัดประดู่ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ประมาณ 7 กิโลเมตร บึงขุนทะเลจัดเป็นระบบนิเวศแบบระบบเปิด(open system) รับน้ำจากคลองสาขาที่อยู่ทางด้านทิศใต้ ได้แก่ คลองชะไก่ คลองท่าแร่ คลองท่ากรวดและคลองบ้านใหม่ ส่วนทางระบายน้ำออกจากบึงมีคลอง 2 คลอง คือ คลองมะขามเตี้ยและคลองท่ากูบไหลลงสู่แม่น้ำตาปีทางด้านทิศเหนือของบึง ระบบน้ำบึงขุนทะเลได้รับอิทธิพลของน้ำทะเลที่ขึ้นลงและรุกล้ำเข้ามาถึงในเขตบึง โดยเฉพาะช่วงฤดูแล้งเป็นครั้งคราว ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนถ่ายเทมวลสารระหว่างกันขึ้นอีกลักษณะหนึ่ง
บึงขุนทะเล มีความสำคัญทั้งในเชิงนิเวศวิทยาและสภาวะเศรษฐกิจสังคมของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นที่อยู่อาศัยของนกน้ำชนิดที่สำคัญ เช่น นกเป็ดน้ำ นกชันและนกชนิดอื่นๆ อีกเป็นจำนวน มากเป็นแหล่งที่มีปลาน้ำจืดชุกชุม มีทัศนียภาพที่สวยงาม ประชาชนที่อยู่อาศัยอยู่โดยรอบใช้น้ำจากบึง และคลองสาขาเพื่อการเพาะปลูก อุปโภค และเลี้ยงสัตว์ ตลอดจนประกอบอาชีพด้วยการจับหาสัตว์น้ำเป็น รายได้ความเชื่อมโยงของระบบนิเวศบึงขุนทะเลกับระบบอื่นทำให้มีโอกาสสูงที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในองค์ประกอบต่างๆ ของบึง เช่น สภาพตื้นเขินจากตะกอนดินที่น้ำพัดพาเข้ามาสู่บึง การตายทับถมของ พืชสัตว์ในบึง การถ่ายเทของเสียลงสู่บึง ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของน้ำในบึงอันเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญ ที่สุดของระบบนิเวศนี้ จนอาจก่อความเสียหายย้อนกลับ (adverse effect) ต่อการดำรงชีพของประชาชน ที่เกี่ยวข้องในที่สุด
ปัจจุบันบึงขุนทะเลมีแนวโน้มที่จะตื้นเขิน แปรสภาพไป สืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาด ของวัชพืชน้ำ เช่น ผักตบชวา ต้นกง สาหร่าย เป็นต้น พืชเหล่านี้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วปละปกคลุม พื้นที่ผิวน้ำส่วนใหญ่ของบึง รวมทั้งขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นตามขอบบึง

สถานีพัฒนาฯ สัตว์ป่าเขาท่าเพชร จังหวัดสุราษฎร์ธานี
สถานีพัฒนาฯ สัตว์ป่าเขาท่าเพชรเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนไปเที่ยวไม่ขาดสาย มีเนื้อที่ 2,906 ไร่ สูงจากระดับน้ำทะเล 210 เมตร ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ. 2508 โดยใช้ชื่อวนอุทยานเขาท่าเพชร







เที่ยวสถานีพัฒนาฯ สัตว์ป่าเขาท่าเพชร สุราษฎร์ธานี
สถานีพัฒนาฯ มีเนื้อที่ 2,906 ไร่ สูงจากระดับน้ำทะเล 210 เมตร ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ. 2508 โดยใช้ชื่อวนอุทยานเขาท่าเพชร ต่อมากองอนุรักษ์สัตว์ป่าได้ประกาศจัดตั้งเป็นศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่า เมื่อ พ.ศ. 2519 ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาท่าเพชร
ภายในสถานีพัฒนาฯ เป็นป่าแบบป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ มีไม้ตะเคียนทราย ไม้คอแลน กระบก หวายแดง รอบบริเวณร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่มากมาย และยังสามารถพบสัตว์ที่อาศัยอยู่ในสถานี อาทิ กระจง หมูป่า นกปรอด นกกระจิบกินปลี นกกระจิบเล็ก บนยอดเขาสามารถชมทิวทัศน์รอบตัวเมืองสุราษฎร์ได้โดยรอบ และเป็นที่ตั้งของ พระธาตุศรีสุราษฎร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2500 นับเป็นปูชนียสถานองค์แรกของชาวบ้านดอน ต่อมาพระธาตุชำรุดมีรอยร้าวที่ฐาน พระธาตุจึงถูกรื้อแล้วสร้างขึ้นใหม่เป็นทรงสูงเรียวลักษณะคล้ายลำเทียน นับว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม
ภายในสถานีพัฒนาฯ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ 800 เมตร มีป้ายสื่อความหมาย สามารถเดินศึกษาธรรมชาติด้วยตนเอง นอกจากนั้นยังมีที่กางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยว แต่ต้องนำเต็นท์มาเอง โดยทำหนังสือถึงหัวหน้าสถานีพัฒนาและส่งเสริมอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาท่าเพชรตู้ ป.ณ. 29 อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84000
การเดินทาง : ไปสถานีพัฒนาและส่งเสริมอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาท่าเพชร  อยู่ห่างจากตัวเมือง 6 กิโลเมตร ใช้เส้นทางสายสุราษฎร์ธานี-บ้านนาสาร จากถนนใหญ่มีทางแยกด้านซ้ายมือ สู่ที่ทำการอีก 1.5 กิโลเมตร
ที่มา http://www.hoteldirect.in.th/

มาดูตะวันลับฟ้าที่เกาะลำพู เมืองคนดีกันดีไหม






วันนี้เราขอนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นที่พักผ่อน ผ่อนคลาย
ที่ดีสำหรับชาวชาวสุราษฎร์ธานี สถานที่แห่งนี้ มีนามว่า  เกาะลำพู  ค่ะ
ไม่ได้ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลหรอกนะคะ       แต่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำตาปี
ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่คอยชุบเลี้ยงชีวิตของพวกเราชาวสุราษฎร์ธานีก็
ว่าได้ค่ะ....ถือว่าครั้งนี้ตั้งใจเป็นอย่างมากในการไปเก็บภาพดีๆเหล่านี้
มากฝากชาวโอเคทุกๆท่านค่ะ
หลังจากเรียนพิเศษในเย็นวันเสาร์ที่แสนสบายใจซะเหลือเกิน  หยิบกล้อง
จูงมือเพื่อนรักและน้อง  ไปยัง ณ ที่แห่งนี้...........  




      ปี 2546 เกาะลำพู ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสวนสาธารณะดีเด่น ในการออกกำลังกาย ระดับประเทศ        แต่หากย้อนเมื่อราวยี่สิบปีที่ผ่านมา เกาะลำพูในวันวานกลับมีสภาพที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับภาพของสวน สาธารณะสมัยใหม่ที่มีเหมือนๆกันอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง เมื่อก่อนเกาะลำพูเป็นพื้นที่ดินเลนน้ำท่วมถึงเกือบตลอดทั้งปี เป็นป่ารก และรอบเกาะ มีต้นลำพูขนาดใหญ่เรียงรายโดยรอบราว300-400ต้นจนมีชื่อติดปากว่าเกาะลำพู  มีหิ่งห้อยบินในตอนกลางคืนจำนวนมากเห็นแสงระยิบระยับเต็มเกาะไปหมด เดี๋ยวนี้เหลือต้นลำพูไม่ถึงสิบต้น คนรุ่นใหม่ๆ
ไม่รู้แล้วว่าที่มาของชื่อเกาะมาจากไหน คนปากอ่าวบ้านดอนวัย 65 ปี เล่าย้อนอดีตให้ฟัง
เกาะลำพู เป็นเกาะกลางแม่น้ำตาปี มีพื้นที่ 6 ไร่กั้นระหว่างเขตเทศบาลเมืองกับเขตในบาง       ซึ่งเป็นชุมชนโบราณมีคลองเล็กคลองน้อยนับร้อยสาย เดิมเกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่ได้รับสัมปทานทำประโยชน์ทางธุรกิจ เมื่อหมดอายุสัมปทานแล้ว ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)
ได้พัฒนาให้เป็นพื้นที่สาธารณะ เป็นสถานที่พักผ่อนและออกกำลังกายของประชาชน
      ตอนนี้เกาะลำพูมีต้นลำพูน้อยมาก เพราะมีการดูดทรายรอบๆ เกาะขึ้นมาถมบนเกาะทั้งหมด และ   ต้นลำพูกับทรายไม่ถูกกันอยู่แล้ว เพราะทรายทำให้รากต้นลำพูร้อน เมื่อมันทนไม่ได้ก็ตายเกือบหมด
      ขอเชิญทุกท่านตามดิฉันมา  แล้วจะรู้ว่าธรรมชาติที่งดงามยามเย็น
เป็นอย่างไรค่ะ...........





ที่มา  http://www.oknation.net/blog/print.php?id=160914


สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนในในเกาะสมุย

 หาดเฉวง เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดและยาวที่สุดของเกาะ มีความยาวถึง 7 กิโลเมตร อยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะสมุย หาดเฉวงเป็นหาดโค้งยาว มีน้ำทะเลใส หาดทรายขาวสวย ตลอดแนวหาดจึงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มานอนอาบแดด เล่นน้ำ เล่นเจ็ตสกี และทำกิจกรรมอื่น ๆ มากมาย หาดเฉวง แบ่งออกเป็นสี่ช่วงคือ หาดเฉวงเหนือ หาดเฉวงกลาง หาดเฉวงใต้ และหาดเฉวงน้อย บริเวณหาดเฉวงเหนือและหาดเฉวงกลางมีบรรยากาศที่คึกคัก มีโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้าเครื่องประดับและอื่น ๆ มากมาย 


 หาดละไม อยู่ถัดมาจากหาดเฉวงเป็นหาดที่มีชื่อเสียงอีกหาดหนึ่ง ด้วยความโค้งของอ่าวที่สวยงามและทิวต้นมะพร้าวที่ปลูกเป็นแนว บริเวณชายหาดเป็นทั้งหาดทรายและหาดหิน บางช่วงของหาดมีระดับน้ำลึกและมีคลื่นแรง กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบคือการเล่นน้ำทะเลและเล่นกีฬาทางน้ำ ทั้งเรือใบ เจ็ตสกี ส่วนทางตอนใต้ของหาดละไมมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวนิยม ไปคือ หินตา หินยาย และศูนย์วัฒนธรรมวัดละไม


  วัดพระใหญ่ ตั้งอยู่ที่ตำบลบ่อผุดซึ่งเป็นที่ประดิษฐาน "พระพุทธโคดม" พระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 5 วา 9 นิ้ว สูง 12 เมตร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2515 เป็นที่เคารพสักการะของบรรดาพุทธศาสนิกชนทั่วไป เมื่อขึ้นไปกราบนมัสการองค์พระแล้ว ยังสามารถมองเห็นวิวเกาะพงันและทัศนียภาพของหาดต่าง ๆ ได้อย่างจัดเจน


  เจดีย์ศรีสุคตคีรี เขาหัวจุก เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าและรอยพระพุทธบาทจำลอง เพื่อเป็นที่เคารพสักการบูชาของบรรดาพุทธศาสนิกชนในท้องถิ่นและผู้ที่เดิน ทางมายังเกาะสมุย บริเวณโดยรอบองค์เจดีย์ยังสามารถชมทิวทัศน์ธรรมชาติอันสวยงามของเกาะ สมุยได้ทั้ง 360 องศา ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมาก



ที่มา http://travel.kapook.com/view14939.html



เกาสมุยมันมีอะไรจึงทำให้คุณนั้นต้องติดใจ ? 

เกาะสมุย สวรรค์กลางอ่าวไทย



 อากาศร้อน ๆ อย่างนี้จะไปเที่ยวหลบร้อนที่ไหนกันดีเอ่ย? "ทะเล" คงเป็นคำตอบสำหรับหลาย ๆ คนที่อยากจะไปพักผ่อนหลบร้อนกัน เราเลยขอพาคุณไปเที่ยวทะเลที่ฮอตและฮิตที่สุดของทั้งชาวไทยและชาว ต่างชาติที่ "เกาะสมุย" สวรรค์กลางอ่าวไทย

          เกาะสมุย เป็นเกาะที่ตั้งอยู่บริเวณอ่าวไทยห่างจากสุราษฎร์ธานีไปทางทิศตะวันออก 84 กิโลเมตร พื้นที่ 1 ใน 3 ของเกาะเป็นที่ราบรอบล้อมไปด้วยภูเขา ช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงคลื่นลมสงบจึงเหมาะแก่การท่องเที่ยวมากที่สุด








 เกาะสมุย เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ก็ต่างขนานนามให้เกาะสมุยว่าเป็น "สวรรค์กลางอ่าวไทย" เนื่องจากเกาะสมุยมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรการท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่น สวยงาม มีเสน่ห์แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม อาทิเช่น น้ำทะเลใสบริสุทธิ์ หาดทรายขาวทอดขนานไปกับทิวต้นมะพร้าวริมชายหาด และนอกจากธรรมชาติชายทะเลแล้ว ยังมีน้ำตกที่มีน้ำใสเย็นเกือบตลอดทั้งปี มีแหล่งท่องเที่ยวที่แสดงถึงศิลปวัฒนธรรมของชาวท้องถิ่น เช่น วัดสำเร็จ วัดละไม วัดพระใหญ่ เจดีย์แหลมสอ ฯลฯ





          ในท้องทะเลรอบเกาะสมุยยังมีแนวปะการังอยู่ทั่วไป มีแหล่งปะการังที่อุดมสมบูรณ์อยู่ทางตอนใต้ของเกาะ ซึ่งเป็นแหล่งดำน้ำตื้นที่มีชื่อเสียงของ หมู่เกาะสมุย ไม่เพียงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเท่านั้น เกาะสมุย ยังพร้อมไปด้วยโรงแรม ที่พัก รีสอร์ท สนามกอล์ฟ สปา ร้านอาหาร สถานบันเทิง บริการนำเที่ยว และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เคยมาเยือน เกาะสมุย แล้ว ต้องหวนกลับมาอีกครั้ง



ประวัติย่อ

 

เกาะสมุยถูกค้นพบได้ประมาณ 1500 ปีมาแล้ว ผู้ค้นพบคนแรกคือชาวประมงที่มาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก เกาะนี้ได้ถูกค้นพบจากแผนที่อายุประมาณ 500 ปี ของราชวงค์มิงในประเทศจีน การประมงและการทำสวนมะพร้าวถือเป็นรายได้หลักบนเกาะสมุย แต่ปัจจุบันนี้ธุรกิจการท่องเที่ยวก็กลายมาเป็นรายได้หลักของคนที่นี่



เกาะสมุย

 

เกาะสมุยได้กลายมาเป็นเป้าหมายอีกแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวตั้งแต่ 70 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันนี้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้เดินทางมาที่สวรรค์แห่งความสำราญแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในอ่าวไทยและบริเวณรอบๆ มีหมู่เกาะอื่นๆ อีกมากกว่า 60 เกาะ บางเกาะก็เล็กและมีผู้คนอาศัยอยู่ บางเกาะก็ใหญ่กว่า เช่น เกาะพงัน เกาะเต่า เกาะนางยวน และ หมู่เกาะอ่างทอง อุทยานทะเลแห่งชาติ 

เกาะสมุยเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของประเทศไทย อยู่ไม่ห่างจากตัวเมืองสุราษฏร์ธานีมากนัก พื้นที่ของเกาะสมุยมีทั้งหมดประมาณ 247ตารางกิโลเมตร ถือว่าเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสาม รองจากเกาะภูเก็ตและเกาะช่้าง 

เกาะสมุยถือว่าเป็นเหมือนอัญมณีของจังหวัดสุราษฏร์ธานี ซึ่งนอกจากจะมีสถานที่ที่น่าท่องเที่ยวมากมายอยู่บนเกาะแห่งนี้แล้ว ยังมีหมู่เกาะ และสถานที่อื่นๆใกล้เคียงที่น่าเที่ยวชมอยู่ล้อมรอบไปหมด 

เมืองหลักของเกาะสมุยคือ หน้าทอนซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ และหาดที่มีชื่อเสียงของเกาะคือ หาดเฉวงและหาดละไม ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะ



สภาพอากาศบนเกาะสมุย

 

สภาพอากาศที่นี่เป็นสภาพอากาศเขตร้อน และมีอุณหภูมิที่อบอุ่นตลอดทั้งปี ปกติแล้วจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 28-33 องศาเซลเซียส ในเวลากลางวันและอากาศเย็นลง 2-3 องศา ในเวลากลางคืน

ในช่วงระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนพฤษจิกายน จะเป็นช่วงที่มีฝนตกชุก อย่างไรก็ตามลักษณะจะเป็นเหมือนลมมรสุมมากกว่าฤดูฝน ซึ่งถือว่าเป็นช่วงฤดูที่จำเป็นมากต่อสภาพธรรมชาติในเขตร้อน และก็ยังเป็นผลดีต่อปริมาณความต้องการน้ำบนเกาะอีกด้วย



หน้าทอน



ตัวเมืองใหญ่ที่สุดของเกาะสมุยเรียกว่า หน้าทอน คุณจะได้เห็นธนาคารต่างๆ ไปรษณีย์และร้านค้าต่างๆที่นั้น แต่ไม่ใช่สถานที่ ที่คุณควรพักหรือท่องราตรี หน้าทอนยังมีท่าเรือขนาดใหญ่ เพื่อเป็นท่าเรือหลักค่อยรับส่งผู้โดยสารไปเกาะต่างๆ รวมทั้งไปท่าเรือดอนสักสุราษฎร์ธานี








จะทำอะไร?

 

เกาะสมุยปัจจุบันนี้มีวัดหลายแห่งให้คุณได้แวะชมและสักการะ เกาะนี้ถือว่าเป็นเกาะสวรรค์จริงๆ เพราะที่นี้มีทุกอย่างที่คุณมองหา ไม่ว่าจะเป็นวัด น้ำตก ทะเล แหล่งช๊อปปิ้ง แหล่งท่องเที่ยวกลางคืน และอื่นๆอีกมากมาย ฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่ามาเที่ยวที่นี้แล้วคุณจะไม่มีอะไรให้ทำให้เที่ยว และถ้าคุณกำลังมองหาโรงแรมขนาดใหญ่และที่พักที่สวยหรูที่นี้ก็ไม่น้อยหน้าที่ไหนๆ เรามีให้คุณได้เลือกเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในสถานที่ที่เงียบสงบ ติดชายทะเล อยู่บนภูเขา หรือสถานที่ที่ผู้คนพุ่งพ่าน มีให้คุณได้เลือกตามใจ คุณสามารถเห็นหาดทราายที่สวยงามที่นี้ ไม่ว่าจะเป็นที่หาดเฉวง ละไม บ่อผุด แม่น้า ตลิ่งงาม และที่เชิงมน แล้วยังมีร้านอาหาร บาร์ และไนซ์คลับ ผู้คนจำนวนมากที่มาเยี่ยมเกาะสมุยแล้วต้องการกลับมาอีก


การเดินทางไปจากกรุงเทพฯ

 

มีหลายทางให้เลือกดังนี้

  ทางอากาศ คุณสามารถขึ้นเครื่องบินจากสนามบินดอนเมือง หรือที่สนามบินสุวรรณภูมิ กับสายการบินแอร์เอเซียและนกแอร์ มาลงที่สนามบินสุราษฏร์ธานี แล้วคุณสามารถนั่งรถต่อมาที่ท่าเรือดอนสัก แล้วนั่งเรือมาที่หน้าทอนเกาะสมุย หรือบินจากสนามบินสุวรรณภูมิโดยสายการบินบางกอกแอร์หรือการบินไทยมาลงที่สนามบินสมุย 

  โดยรถประจำทาง ถ้าคุณต้องการความประหยัดในการเดินทาง คุณสามารถขึ้นรถโดยสารพิเศษจากถนนข้าวสาร หรือสถานีรถประจำทางภาคใต้ที่ถนนบรมรัตร์ชนนี หรือขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิต ซึ่งจะได้รับความสะดวกสบายมากกว่า คุณสามารถซื้อตั๋วได้กับทุกๆ บริษัททัวร์ที่นั้น ปรกติแล้วเขาจะรวมบริการเรือด้วย

  ทางรถไฟ คืออีกทางเลือกที่ดีสำหรับการเดินทางด้วยการนั่งรถไฟในเวลากลางคืนจากสถานีหัวลำโพงกรุงเทพฯไปถึงสุราษฏร์ธานี แล้วนั่งรถต่อมาที่ท่าเรือดอนสัก เพื่อที่จะต่อเรือมาที่เกาะสมุย รถไฟตู้นอนจะให้ความสะดวกสบาย ถึงแม้ราคาจะแพงมากกว่ารถโดยสารประจำทางเล็กน้อย แต่คุณจะสามารถนอนหลับได้ดี เตียงชั้นบนจะราคาถูกกว่าชั้นล่าง

  การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว รถยนต์อาจง่ายกว่าและสะดวกกว่า แต่อย่าลืมว่าคุณอาจจะต้องเหน็ดเหนื่อยกับการขับรถ อีกอย่างการจราจรบ้านเราก็ไม่ค่อย ปลอดภัย แต่ถ้าคุณเชื่อมั่นในการขับรถของตัวเอง ก็อย่าลืมมีแผ่นที่ติดตัวมาด้วย สำหรับคนที่ยังไม่ชินกับเสั้นทาง

  การเดินทางโดยรถบัส และเรือกะตะมาราน โดยบริษัทลมพระยา รถบัสจะพาคุณมาส่งที่ชุมพรและก็ต่อด้วยเรือเร็ว กะตะมาราน ผ่านเกาะเต่า เกาะพงัน แล้วจากนั้นก็จะเป็นเกาะสมุย


ที่มา http://www.kohsamui.org/kohsamui#.U515JJR_uOI






สุราษฎร์ฯ จัดงานเทศกาลเงาะโรงเรียนนาสาร คาดนักท่องเที่ยวเข้าร่วมคึกคัก




สุราษฎร์ธานี - เทศบาลเมืองนาสาร ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน จัดงาน “เทศกาลเงาะโรงเรียนนาสาร” วันที่ 22 ก.ค.-2 ส.ค.นี้ คาดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก มีเม็ดเงินสะพัดนับสิบล้านบาท
       
       วันนี้ (12 ก.ค.) นายการุญ บุญหล่อม นายกเทศมนตรีเมืองนาสาร อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ช่วงฤดูผลไม้ออกสู่ตลาดทางอำเภอบ้านนาสาร จัดให้มี “เทศกาลเงาะโรงเรียนนาสาร” ขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยกำหนดให้เป็นงานเทศกาลที่เป็นภาพลักษณ์ของอำเภอบ้านนาสารทางด้านการเกษตร สำหรับปีนี้ ทางเทศบาลเมืองนาสาร ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน กำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 22 กรกฎาคม-2 สิงหาคม ที่ริมคลองฉวาง อ.บ้านนาสาร
       
       สำหรับงานดังกล่าวจัดขึ้นเนื่องจากต้องการประชาสัมพันธ์ผลผลิตทางด้านการเกษตร โดยเฉพาะเงาะโรงเรียน ซึ่งปลูกได้ผลดีในอำเภอบ้านนาสาร ตลอดจนเพื่อเผยแพร่ชื่อเสียงของดีเมืองนาสารให้เป็นที่รู้จักโดยแพร่หลาย อีกทั้งเพื่อเป็นการสร้างขวัญ และกำลังใจให้แก่เกษตรกร และเป็นการสนับสนุนให้เกษตรกรผลิตผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะเงาะโรงเรียนนาสารให้มีคุณภาพดีตรงกับความต้องการของตลาดทั้งใน และต่างประเทศ


       
       อีกทั้งเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และสนับสนุนการท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอันสวยงามในอำเภอบ้านนาสาร ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินเข้ามาในอำเภอบ้านนาสารเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมและเผยแพร่ทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของอำเภอบ้านนาสาร และจังหวัดสุราษฎร์ธานีให้คงอยู่สืบทอดตลอดไป
       
       ขณะที่กิจกรรมภายในงานจะมีการจัดนิทรรศการต่างๆ ของภาครัฐ และเอกชน จะมีการจำหน่ายสินค้าโอทอป การแข่งขันประกวดผลผลิตทางการเกษตร กิจกรรมท่องเที่ยวทัวร์สวนเงาะ การแห่ขบวนรถพฤกษชาติ การทำขวัญเงาะโรงเรียน แข่งขันกินเงาะโรงเรียน การประกวดธิดาและขวัญใจชาวสวนเงาะโรงเรียน การแข่งขันเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพ ปั่นจักรยานท่องเที่ยวสวนเงาะ “เที่ยวไป ชิมไป” เป็นต้น
       
       อย่างไรก็ตาม การจัดงานทุกครั้งที่ผ่านมานั้นได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย รวมถึงชาวต่างชาติ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากเป็นประจำทุกปี ซึ่งทาง อ.บ้านนาสาร มีศักยภาพเพียบพร้อมที่จะรองรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาในช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นด้านที่พัก รีสอร์ต หรือโรงแรมกว่า 10 แห่ง รวมถึงความสะดวก ปลอดภัยทางด้านต่างๆ ให้แก่นักท่องเที่ยว โดยในแต่ละปีจะมีเงินสะพัดในช่วงเทศกาลเงาะโรงเรียนหลายสิบล้านบาททีเดียว


ไปสุราษฎร์กันเถอะ...


การเดินทางไปยังสุราษฎร์ธานี

รถยนต์ จากกรุงเทพฯใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35(ธนบุรี-ปากท่อ)ถึงแยกวังมะนาวอำเภอปากท่อเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (เพชรเกษม)ผ่านจังหวัดเพชรบุรีประจวบคีรีขันธ์ ถึงแยกปฐมพรจังหวัดชุมพรแล้วตรงเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 จนถึงสุราษฎร์ธานีรวมระยะทางประมาณ 645 กม.
รถไฟ จากสถานีรถไฟกรุงเทพ(หัวลำโพง)มีขบวนรถเร็วรถด่วนให้บริการทุกวันผู้โดยสารต้องไปลงรถที่สถานีสุราษฎร์ธานีในอำเภอพุนพิน แล้วต่อรถโดยสารเข้าตัวจังหวัดอีกประมาณ 13กม.สอบถามรายละเอียดได้ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร.1690, 0 2220 4334สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี โทร.0 7731 1213หรือwww.railway.co.th
รถโดยสารประจำทางบริษัทขนส่งจำกัดเปิดบริการเดินรถระหว่างกรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานีและกรุงเทพฯ-เกาะสมุย ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ถนนบรมราชชนนี ทุกวันสอบถามรายละเอียดโทร.0 2435 1199 หรือ www.transport.co.th
ปัจจุบันบริษัท ขนส่ง จำกัด ได้เปิดให้บริการจองตั๋วรถโดยสารออนไลน์แล้ว ติดต่อได้ที่ www.thaiticketmajor.com นอกจากนี้ยังสามารถซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ไทยรูท ดอทคอม www.thairoute.com
เครื่องบิน
บริษัท การบินไทยจำกัด(มหาชน)มีบริการเที่ยวบินกรุงเทพ-สุราษฎร์ ทุกวันสอบถามรายละเอียดโทร.1566,0 2280 0060,0 2628 2000สำนักงานสุราษฎร์ธานีโทร.0 7744 1137, 0 7727 3710ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานีโทร.0 7744 1137 หรือwww.thaiairway.com


หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญในจังหวัดสุราษฎร์ธานี

สถานีตำรวจ: โทร.0-7727-2095, 0-7727-2211
โรงพยาบาลจังหวัด: โทร.0-7727-2231
สถานีขนส่ง(บขส): โทร.0-7720-0032
สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี: โทร.0-7731-1213
สนามบิน: โทร.0-7744-1230
การบินไทย บมจ (สุราษฎร์ฯ): โทร.0-7727-2610, 0-7727-3710
ตรวจคนเข้าเมือง: โทร.0-7727-3217,0-7727-3504
สำนักงาน ททท.ฯสุราษฎร์ธานี: โทร.0-7728-8818-9
ตำรวจทางหลวง: โทร.1193,0-7727-4156-7
ตำรวจท่องเที่ยว: โทร.1155
ศูนย์กู้ชีพ นเรนทร: โทร.1669
ศูนย์กู้ชีพ ตาปี: โทร.0 7720 6487



การใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมสถานที่เที่ยวในประเทศ


การท่องเที่ยวนับเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของโลกซึ่งมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในแทบทุกภูมิภาคของโลก  ในปี ค.ศ.1950 จำนวนนักท่องเที่ยวมีจำนวนเพียง 25 ล้านคนขณะที่ปี ค.ศ.2006 มีจำนวนนักท่องเที่ยวถึง 846  ล้านคน องค์การท่องเที่ยวโลก(UNWTO)พยากรณ์ไว้ว่าในปี ค.ศ.2020 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า(องค์การท่องเที่ยวโลก , 2552.) ปัจจุบันพบว่าการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหลายด้านไม่ว่าจะเป็น ทางสังคม  เศรฐกิจ เทคโนโลยี และ ปัจจัยทางการเมือง ในจังหวัดที่มีศักยภาพการท่องเที่ยวสูง การท่องเที่ยวได้ช่วยยกระดับมาตราฐานชีวิตของคนในท้องถิ่นอย่างทั่วถึง แม้ในท้องถิ่นธุรกันดาร การท่องเที่ยวก็ยังช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนในท้องถิ่นนั้นๆให้ดีขึ้น ในทุกช่วงเวลาที่ผ่านไปมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่กำลังสืบค้นสถานที่ท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ  เพื่อที่จะใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกท่องเที่ยว ไปในสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก   จากการสอบถามผู้ที่กำลังวางแผนท่องเที่ยวทั่วไปพบว่า  นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะคำนึงถึงความสะดวกสบาย  ความรวดเร็ว ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัยของสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ    ในการเดินทางท่องเที่ยว  นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีความจำเป็นต้องสืบค้นข้อมูล ของสถานที่ท่องเที่ยว  โดยไม่ต้องเดินทางไปสำรวจจริง แต่ได้ข้อมูลครบถ้วนถูกต้องและรวดเร็ว




การประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว และอำนวยความสะดวกข้อมูลให้แก่ผู้ที่กำลังวางแผนการท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ควรเร่งพัฒนาเพื่อส่งเสริมให้กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจด้านท่องเที่ยวสามารถแข่งขันกับต่างชาติได้  อุปสรรค ในการดำเนินการเชิงรุกคือผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจกับการพัฒนาสื่อมัลติมีเดีย มากนักเพราะคิดว่าประเทศไทยมีศักยภาพด้านแหล่งท่องเที่ยวจึงไม่ต้องพึ่งโลกอินเตอร์เนท ขณะที่ต่างประเทศเช่น สิงคโปร์ และมาเลเซียมีการนำเทคโนโลยีสื่อเข้ามาใช้เป็นสื่อกลางและประสบความสำเร็จมาก ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงควรมีกลยุทธเพื่อตอบโต้ แย่งชิงและครอบครองพื้นที่การตลาดให้ได้นานที่สุด วิธีการนำเสนอเพื่อให้ผู้วางแผนการท่องเที่ยวสนใจและตัดสินใจมาท่องเที่ยวนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้ดำเนินการต้องค้นคว้าวิจัย เพื่อให้ได้แนวทางในการดำเนินการให้แผนกลยุทธประสบความสำเร็จ วิธีการนำเสนอที่จะดำเนินการวิจัยนี้จำเป็นต้องทำงานอยู่บนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยมองระบบเครือข่ายเป็นเครื่องมือ เนื่องจากยุคนี้เป็นยุคแห่งสังคมสารสนเทศ ข้อมูลข่าวสารหรือสารสนเทศได้กลายเป็นทรัพยากรที่มีนัยสำคัญเพิ่มมากขึ้น  ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่มีการพัฒนากันหลากหลายรูปแบบ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีการใช้งานครอบคลุมพื้นที่และมีจำนวนคนใช้งานมากที่สุด รวมทั้งมีอัตราการเจริญเติบโตสูงสุด(สุภางค์ กุณวงษ์ และดารารัตน์ จุฬาพันธุ์. 2540 : 39 ) ปัจจุบันมีสื่อมัลติมีเดียเพื่อการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวเกิดขึ้นจำนวนมาก สังเกตุได้จากการสืบค้นผ่าน Search engine เช่น Googel ,Yahoo (ชฎิล แก้วปลั่ง. 2543 : 3) ดังนั้นการจัดทำเว็บไซต์สื่อมัลติมีเดียเพื่อการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศให้เป็นเว็บไซต์ที่เป็นที่นิยมและบรรลุเป้าหมายนั้นจำเป็นต้องมีการค้นคว้าวิจัยเพื่อหารูปแบบที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมให้มากที่สุด





การดำเนินการวิจัยครั้งนี้ได้ยกตัวอย่าง บ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นกรณีศึกษา เพื่อหาวิธีการสร้างสื่อมัลติมีเดียที่สามารถประชาสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพ อันเนื่องมากจากหมู่บ้านรวมมิตรเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สำคัญของจังหวัดเชียงรายแห่งหนึ่ง ภายในหมู่บ้าน มีชนเผ่าจำนวน 9 เผ่า มีพื้นที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ภายในหมู่บ้านมีการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศมากมายเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยว เช่น การประกอบกิจการ การล่องแพเพื่อชมวิถีชีวิตของผู้คนสองข้างทางของลำน้ำกก สินค้าหัตถกรรมของหมู่บ้าน แต่ในปัจจุบันยังไม่เป็นที่รู้จักกับนักท่องเที่ยวมากนัก   เนื่องจากขาดการประชาสัมพันธ์ให้กับนักท่องเที่ยว  รวมทั้งชุมชนยังไม่เห็นถึงความสำคัญของการให้ข้อมูลการท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้ามาเที่ยวชมในหมู่บ้านอันเนื่องมาจากงบประมาณที่ได้จัดสรรเพื่อส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ยังไม่เพียงพอและความรู้ในการประชาสัมพันธ์ที่ถูกต้อง
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น  ทำให้ผู้ศึกษามีความสนใจในการพัฒนาเว็บไซต์ สื่อมัลติมีเดีย  เพื่อหาแนวทางการพัฒนาสื่อมัลติมีเดียสำหรับประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ  ให้บังเกิดผลสัมฤทธิ์ ซึ่งการศึกษาครั้งนี้จะสามารถนำผลการศึกษามาใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่เหมาะสม ในการพัฒนาและปรับปรุงประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ แหล่งอื่นๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้วางแผนการท่องเที่ยวที่เลือกใช้อินเตอร์เนทเป็นช่องทางในการค้นหาข้อมูลเพื่อตัดสินใจเลือกท่องเที่ยวและส่งผลให้สาธารณชนสามารถเข้ามาท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศมากยิ่งขึ้นในอนาคต