วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557



ธรรมชาติในเมือง 


อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี (ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานีเรียกว่า อำเภอบ้านดอน) เป็นอำเภอที่ตั้งของตัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเมืองศูนย์กลางระบบราชการ ศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง และเศรษฐกิจของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และภาคใต้ตอนบน

        หากจะพูดถึง อำเภอ เมือง ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดอะไรคงจะทำให้เรานึกได้แค่ภาพ รถยนต์ที่ติดขัด การจราจรที่แน่น มลพิษทางอากาศ ตึกสูง ห้างสรรพสินค้า ขยะ และอื่นๆอีกมากมาย แต่ในมุมมองนึง อำเภอเมืองนั่นยังมีธรรมชาติที่สวยงาม ทำให้เราผ่อนคลายจากสิ่งต่างๆที่ส่งผลต่อสุขจิตและกายได้อย่างดีเลยทีเดียว เพียงแค่เรารู้จักเลือกที่จะมองหามัน





วันนี้ดิฉัน ขอนำเสนอ อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี บ้านเกิดของฉันเอง ว่าอำเภอเมืองนั้นมีดีกว่าห้างที่ติดแอร์เย็นๆ

เรามาสัมผัสธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์กันเถอะ


ปากน้ำตาปี จังหวัดสุราษฎร์ธานี



ถ้าอยากไปเที่ยวที่ไหนสักที่ แล้วยังนึกไม่ได้ แนะนำให้ไปเที่ยวที่ปากน้ำตาปี ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลบางกุ้ง ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานีประมาณ 7 กม. ตามเส้นทางสุราษฎร์ธานี-ปากน้ำ มีคิวรถโดยสารอยู่เยื้องกับห้างจุฬาสรรพสินค้า ถนนบ้านดอน



สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ปากน้ำตาปี สุราษฎร์ธาน
ปากน้ำตาปี ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลบางกุ้ง ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานีประมาณ 7 กม. ตามเส้นทางสุราษฎร์ธานี-ปากน้ำ มีคิวรถโดยสารอยู่เยื้องกับห้างจุฬาสรรพสินค้า ถนนบ้านดอนปากน้ำตาปี อยู่บริเวณอ่าวบ้านดอน เป็นแนวรอยต่อระหว่างน้ำจืดและน้ำทะเลในอ่าวไทย มีลักษณะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่ถูกปกคลุมไปด้วยแนวป่าชายเลนที่สมบูรณ์ เต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีววิทยา ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ตามชายฝั่งทะเล เช่น แสม ลำพู โกงกาง สัตว์ป่าหลากชนิด เช่น นกยางเปีย นกกระเต็น เหยี่ยวแดง จิ้งจกหางแบน งูเขียวหัวจิ้งจก ฯลฯ เป็นแหล่งศึกษาและแหล่งท่องเที่ยวทางนิเวศวิทยาที่น่าสนใจแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีบรรยากาศที่ดีเหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจ รับประทานอาหารท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่นจากผู้ประกอบการที่มาเปิดให้บริการอยู่มากมา

บึงขุนทะเล จังหวัดสุราษฎร์ธานี
บึงขุนทะเลเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณน่าจะได้ลองไปสักครั้ง ตั้งอยู่ที่ตำบลขุนทะเล ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ไปทางถนนสายสุราษฎร์ธานี -พุนพิน ประมาณ 5 กม. สามารถนั่งรถโดยสารสายบ้านดอน-โรงเรียนตำรวจภูธร 8 ไปถึงบริเวณบึงได้ บึงขุนทะเลเป็นแหล่ง น้ำสำ


บึงขุนทะเล ตั้งอยู่ที่ตำบลขุนทะเล ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ไปทางถนนสายสุราษฎร์ธานี -พุนพิน ประมาณ 5 กม. สามารถนั่งรถโดยสารสายบ้านดอน-โรงเรียนตำรวจภูธร 8 ไปถึงบริเวณบึงได้ บึงขุนทะเลเป็นแหล่ง น้ำสำคัญใช้ในการกสิกรรมนอกจากนี้ยังมีทิว ทัศน์ที่สวยงาม ตามธรรมชาติ มีศาลาสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ และมีร้านอาหาร บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย


บึงขุนทะเล เป็นแหล่งน้ำจืดที่คล้ายทะเลสาปขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีเนื้อที่ประมาณ 1,270ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 3 ตำบลของอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี คือ ตำบลมะขามเตี้ย ตำบลขุนทะเล และตำบลวัดประดู่ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ประมาณ 7 กิโลเมตร บึงขุนทะเลจัดเป็นระบบนิเวศแบบระบบเปิด(open system) รับน้ำจากคลองสาขาที่อยู่ทางด้านทิศใต้ ได้แก่ คลองชะไก่ คลองท่าแร่ คลองท่ากรวดและคลองบ้านใหม่ ส่วนทางระบายน้ำออกจากบึงมีคลอง 2 คลอง คือ คลองมะขามเตี้ยและคลองท่ากูบไหลลงสู่แม่น้ำตาปีทางด้านทิศเหนือของบึง ระบบน้ำบึงขุนทะเลได้รับอิทธิพลของน้ำทะเลที่ขึ้นลงและรุกล้ำเข้ามาถึงในเขตบึง โดยเฉพาะช่วงฤดูแล้งเป็นครั้งคราว ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนถ่ายเทมวลสารระหว่างกันขึ้นอีกลักษณะหนึ่ง
บึงขุนทะเล มีความสำคัญทั้งในเชิงนิเวศวิทยาและสภาวะเศรษฐกิจสังคมของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นที่อยู่อาศัยของนกน้ำชนิดที่สำคัญ เช่น นกเป็ดน้ำ นกชันและนกชนิดอื่นๆ อีกเป็นจำนวน มากเป็นแหล่งที่มีปลาน้ำจืดชุกชุม มีทัศนียภาพที่สวยงาม ประชาชนที่อยู่อาศัยอยู่โดยรอบใช้น้ำจากบึง และคลองสาขาเพื่อการเพาะปลูก อุปโภค และเลี้ยงสัตว์ ตลอดจนประกอบอาชีพด้วยการจับหาสัตว์น้ำเป็น รายได้ความเชื่อมโยงของระบบนิเวศบึงขุนทะเลกับระบบอื่นทำให้มีโอกาสสูงที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในองค์ประกอบต่างๆ ของบึง เช่น สภาพตื้นเขินจากตะกอนดินที่น้ำพัดพาเข้ามาสู่บึง การตายทับถมของ พืชสัตว์ในบึง การถ่ายเทของเสียลงสู่บึง ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของน้ำในบึงอันเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญ ที่สุดของระบบนิเวศนี้ จนอาจก่อความเสียหายย้อนกลับ (adverse effect) ต่อการดำรงชีพของประชาชน ที่เกี่ยวข้องในที่สุด
ปัจจุบันบึงขุนทะเลมีแนวโน้มที่จะตื้นเขิน แปรสภาพไป สืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาด ของวัชพืชน้ำ เช่น ผักตบชวา ต้นกง สาหร่าย เป็นต้น พืชเหล่านี้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วปละปกคลุม พื้นที่ผิวน้ำส่วนใหญ่ของบึง รวมทั้งขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นตามขอบบึง

สถานีพัฒนาฯ สัตว์ป่าเขาท่าเพชร จังหวัดสุราษฎร์ธานี
สถานีพัฒนาฯ สัตว์ป่าเขาท่าเพชรเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนไปเที่ยวไม่ขาดสาย มีเนื้อที่ 2,906 ไร่ สูงจากระดับน้ำทะเล 210 เมตร ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ. 2508 โดยใช้ชื่อวนอุทยานเขาท่าเพชร







เที่ยวสถานีพัฒนาฯ สัตว์ป่าเขาท่าเพชร สุราษฎร์ธานี
สถานีพัฒนาฯ มีเนื้อที่ 2,906 ไร่ สูงจากระดับน้ำทะเล 210 เมตร ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ. 2508 โดยใช้ชื่อวนอุทยานเขาท่าเพชร ต่อมากองอนุรักษ์สัตว์ป่าได้ประกาศจัดตั้งเป็นศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่า เมื่อ พ.ศ. 2519 ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาท่าเพชร
ภายในสถานีพัฒนาฯ เป็นป่าแบบป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ มีไม้ตะเคียนทราย ไม้คอแลน กระบก หวายแดง รอบบริเวณร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่มากมาย และยังสามารถพบสัตว์ที่อาศัยอยู่ในสถานี อาทิ กระจง หมูป่า นกปรอด นกกระจิบกินปลี นกกระจิบเล็ก บนยอดเขาสามารถชมทิวทัศน์รอบตัวเมืองสุราษฎร์ได้โดยรอบ และเป็นที่ตั้งของ พระธาตุศรีสุราษฎร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2500 นับเป็นปูชนียสถานองค์แรกของชาวบ้านดอน ต่อมาพระธาตุชำรุดมีรอยร้าวที่ฐาน พระธาตุจึงถูกรื้อแล้วสร้างขึ้นใหม่เป็นทรงสูงเรียวลักษณะคล้ายลำเทียน นับว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม
ภายในสถานีพัฒนาฯ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ 800 เมตร มีป้ายสื่อความหมาย สามารถเดินศึกษาธรรมชาติด้วยตนเอง นอกจากนั้นยังมีที่กางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยว แต่ต้องนำเต็นท์มาเอง โดยทำหนังสือถึงหัวหน้าสถานีพัฒนาและส่งเสริมอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาท่าเพชรตู้ ป.ณ. 29 อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84000
การเดินทาง : ไปสถานีพัฒนาและส่งเสริมอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาท่าเพชร  อยู่ห่างจากตัวเมือง 6 กิโลเมตร ใช้เส้นทางสายสุราษฎร์ธานี-บ้านนาสาร จากถนนใหญ่มีทางแยกด้านซ้ายมือ สู่ที่ทำการอีก 1.5 กิโลเมตร
ที่มา http://www.hoteldirect.in.th/

มาดูตะวันลับฟ้าที่เกาะลำพู เมืองคนดีกันดีไหม






วันนี้เราขอนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นที่พักผ่อน ผ่อนคลาย
ที่ดีสำหรับชาวชาวสุราษฎร์ธานี สถานที่แห่งนี้ มีนามว่า  เกาะลำพู  ค่ะ
ไม่ได้ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลหรอกนะคะ       แต่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำตาปี
ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่คอยชุบเลี้ยงชีวิตของพวกเราชาวสุราษฎร์ธานีก็
ว่าได้ค่ะ....ถือว่าครั้งนี้ตั้งใจเป็นอย่างมากในการไปเก็บภาพดีๆเหล่านี้
มากฝากชาวโอเคทุกๆท่านค่ะ
หลังจากเรียนพิเศษในเย็นวันเสาร์ที่แสนสบายใจซะเหลือเกิน  หยิบกล้อง
จูงมือเพื่อนรักและน้อง  ไปยัง ณ ที่แห่งนี้...........  




      ปี 2546 เกาะลำพู ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสวนสาธารณะดีเด่น ในการออกกำลังกาย ระดับประเทศ        แต่หากย้อนเมื่อราวยี่สิบปีที่ผ่านมา เกาะลำพูในวันวานกลับมีสภาพที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับภาพของสวน สาธารณะสมัยใหม่ที่มีเหมือนๆกันอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง เมื่อก่อนเกาะลำพูเป็นพื้นที่ดินเลนน้ำท่วมถึงเกือบตลอดทั้งปี เป็นป่ารก และรอบเกาะ มีต้นลำพูขนาดใหญ่เรียงรายโดยรอบราว300-400ต้นจนมีชื่อติดปากว่าเกาะลำพู  มีหิ่งห้อยบินในตอนกลางคืนจำนวนมากเห็นแสงระยิบระยับเต็มเกาะไปหมด เดี๋ยวนี้เหลือต้นลำพูไม่ถึงสิบต้น คนรุ่นใหม่ๆ
ไม่รู้แล้วว่าที่มาของชื่อเกาะมาจากไหน คนปากอ่าวบ้านดอนวัย 65 ปี เล่าย้อนอดีตให้ฟัง
เกาะลำพู เป็นเกาะกลางแม่น้ำตาปี มีพื้นที่ 6 ไร่กั้นระหว่างเขตเทศบาลเมืองกับเขตในบาง       ซึ่งเป็นชุมชนโบราณมีคลองเล็กคลองน้อยนับร้อยสาย เดิมเกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่ได้รับสัมปทานทำประโยชน์ทางธุรกิจ เมื่อหมดอายุสัมปทานแล้ว ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)
ได้พัฒนาให้เป็นพื้นที่สาธารณะ เป็นสถานที่พักผ่อนและออกกำลังกายของประชาชน
      ตอนนี้เกาะลำพูมีต้นลำพูน้อยมาก เพราะมีการดูดทรายรอบๆ เกาะขึ้นมาถมบนเกาะทั้งหมด และ   ต้นลำพูกับทรายไม่ถูกกันอยู่แล้ว เพราะทรายทำให้รากต้นลำพูร้อน เมื่อมันทนไม่ได้ก็ตายเกือบหมด
      ขอเชิญทุกท่านตามดิฉันมา  แล้วจะรู้ว่าธรรมชาติที่งดงามยามเย็น
เป็นอย่างไรค่ะ...........





ที่มา  http://www.oknation.net/blog/print.php?id=160914


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น