ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์
ความหมายของฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์
ข้อดีของฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์
มีดังนี้
1. ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์เป็นกลุ่มข้อมูลของรีเลชั่นหรือตารางที่ข้อมูลถูกจัดเก็บเป็นแถวหรือคอลัมน์ ซึ่ง
ทำให้ผู้ใช้เห็นภาพของข้อมูลได้ง่าย
ทำให้ผู้ใช้เห็นภาพของข้อมูลได้ง่าย
2. ผู้ใช้ไม่ต้องรู้ว่าข้อมูลถูกจัดเก็บอย่างไร รวมถึงวิธีการเรียกใช้ข้อมูล
3. ภาษาที่ใช้เป็นการเรียกใช้ข้อมูล เป็นลักษณะคล้ายภาษาอังกฤษ และไม่จำเป็นต้องเขียนเป็นลำดับขั้น
4. การเรียกใช้หรือเชื่อมโยงข้อมูลทำได้ง่าย โดยใช้โอเปอร์เรเตอร์ทางคณิตศาสตร์
คุณลักษณะในการจัดเก็บข้อมูล
ภาษาที่ใช้ในการควบคุมข้อมูล ประกอบด้วยคำสั่งที่ใช้ในการควบคุมความถูกต้องของข้อมูล หรือป้องกันการเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ใช้หลายคสเรียกใช้ข้อมูลพร้อมกัน ในขณะที่ข้อมูลนั้น ๆ กำลังปรับปรุงแก้ไขอยู่ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับผู้ใช้อีกคนหนึ่งก็เรียกใช้ข้อมูลนี้ และได้ค่าที่ไม่ถูกต้อง เพราะผู้ใช้คนแรกยังปรับปรุงแก้ไขไม่เสร็จ
กฎที่เกี่ยวข้องในฐานข้อมูล
กฎความบูรณภาพของเอนทิตี้
กฎนี้ระบุว่า แอทริบิวต์ใดที่จะเป็นคีย์หลักในแอทริบิวต์นั้นจะเป็นค่าเอกลักษณ์ ( Unique ) และเป็นค่าว่าง ( Null ) ความหมายของการเป็นค่าว่างไม่ได้ ( Not full ) ในที่นี้จะหมายรวมถึงข้อมูลของแต่ละ
แอทริบิวต์ที่เป็นค่าหลักจะเป็นค่าว่างไม่ได้ และเป็นค่าเอกลักษณ์ในการที่จะระบุค่าของแอทริบิวต์อื่น ๆ ใน
ทูเพิลอื่น ๆ ได้
แอทริบิวต์ที่เป็นค่าหลักจะเป็นค่าว่างไม่ได้ และเป็นค่าเอกลักษณ์ในการที่จะระบุค่าของแอทริบิวต์อื่น ๆ ใน
ทูเพิลอื่น ๆ ได้
กฎความบูรณภาพของการอ้างอิง
การอ้างอิองข้อมูลระหว่างรีเลชั่นในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์จะใช้คีย์นอก ของรีเลชั่นหนึ่งไปตรวจสอบกับค่าของแอทริบิวต์ที่เป็นคีย์หลัก ของรีเลชั่นหนึ่ง เพื่อเรียกดูข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ ค่าของคีย์นอกจะต้องสามารถอ้างอิงให้ตรงกันกับค่าขอแงคีย์หลักได้ จึงจะเชื่อมโยงหรืออ้างอิงข้อมูลข้อมูลระหว่างรีเลชั่นได้
ในกรณีที่มีการแก้ไขหรือลบข้อมูล จะทำได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการออกแบบฐานข้อมูล มี 4 ทางเลือก คือ
ในกรณีที่มีการแก้ไขหรือลบข้อมูล จะทำได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการออกแบบฐานข้อมูล มี 4 ทางเลือก คือ
1. การลบหรือแก้ไขข้อมูลแบบมีข้อจำกัด ( Restrict )
การลบหรือการแก้ไขข้อมูลจะกระทำได้เมื่อข้อมูลของคีย์หลักในรีเลชั่นหนึ่งไม่มีข้อมูลที่จะอ้างอิงโดยคีย์นอกำจากรีเลชั่นหนึ่ง เช่น รหัสแผนก DEPNO ในรีเลชั่น DEP จะถูกแก้ไขหรือลบทิ้งก็ต่อเมื่อไม่มีพนักงานคนใดสังกัดอยู่
2. การลบหรือแก้ไขข้อมูลแบบต่อเรียง ( Cascade )
การลบหรือการแก้ไขข้อมูลจะทำแบบลูกโซ่ คือ หากมีการแก้ไขหรือลบข้อมูลของคีย์หลักในรีเลชั่นหนึ่ง ระบบจะทำการลบหรือการแก้ไขข้อมูลของคีย์นอกในรีเลชั่นหนึ่ง ที่อ้างอิงถึงข้อมูลของคีย์หลักที่ถูกลบให้ได้
3. การลบหรือแก้ไขข้อมูลโดยเปลี่ยนเป็นค่าว่าง ( Nullify )
การลบหรือการแก้ไขข้อมูลจะทำได้เมื่อมีการเปลี่ยนค่าของคีย์นอกที่ถูกอ้างอิงให้เป็นค่าว่างเสียก่อน
4. แก้ไขข้อมูล โดยกำหนดค่าปริยาย ( Default )
การแก้ไขข้อมูลของคีย์หลักสามารถทำได้ โดยถ้าหากมีคีย์นอกที่อ้างอิงถึงคีย์หลักที่ถูกแก้ไข จะทำการปรับค่าของคีย์นอกนั้นเป็นค่าโดยนอกนั้นเป็นค่าโดยปริยาย ที่ถูกกำหนดขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น